4C’s Diamond
รู้ไว้ ! ซื้อเพชรไม่โดนหลอก
“เพชร” อัญมณีอันเลอค่าที่นิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับ และถูกใช้ในโอกาสสำคัญเสมอ ใครหลายๆท่านหวังที่จะจับจองเป็นเจ้าของ แต่คุณทราบไหมว่า เพชรแต่ละเม็ดนั้น มีระดับความสวยงามและคุณภาพที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งโดยปกติแล้วเพชรเกือบทุกเม็ด จะมีการส่งไปตรวจสอบเพื่อดูเกรดและระดับความสวยงามของเพชร จากสถาบัน GIA หรือ สถาบันอัญมณีศาสตร์ของแต่ละประเทศ โดยมีผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอัญมณีโดยตรงเป็นผู้ตรวจสอบให้ แต่ในบทความนี้ทาง MEESUBSIN เราจะมาแนะนำหลักการดูเพชรให้คุณทราบ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการซื้อเพชร โดยใช้หลักการประเมินคุณภาพ 4C ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาโดย สถาบัน GIA (Gemological Institute of America) ) ที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก
4Cs ของเพชรประกอบด้วย
C ตัวที่หนึ่ง Color
คือ สีของเพชร หรือ ความขาวใสไร้สีของเพชร ที่คนไทยเราเรียกกันว่า “ น้ำเพชร ” ทั่วไปเพชรแท้ตามธรรมชาติจะสามารถพบได้หลายสี แต่ในที่นี่เราจะพูดถึง เพชรใสไม่มีสี หรือที่เรียกกันว่า เพชรขาว โดยเฉดสีของเพชรขาวจะเริ่มจาก D ไปถึง Z (น้ำ 100 น้ำ 99 น้ำ 98 ไล่ลงไปเรื่อยๆ)ยิ่งน้ำสูงก็ยิ่งขาวใสไร้สีโดยแบ่งออกเป็นกลุ่มดังนี้
กลุ่มที่ 1 Colorless เพชรไร้สี ได้แก่ D-F color หรือ เพชรน้ำ 100-98
กลุ่มที่ 2 Near Colorless เพชรขาว ได้แก่ G-J color หรือ เพชรน้ำ 97-94
กลุ่มที่ 3 Faint Yellow เพชรจะเริ่มออกขาวนวลๆ ได้แก่ K-M color หรือเพชรน้ำ 93-91
กลุ่มที่ 4 Very Light Yellow เพชรจะเห็นสีเหลืองได้ชัดเจนขึ้น ได้แก่ N-R color หรือเพชรน้ำ 90-86
กลุ่มที่ 5 Light Yellow เพชรจะเหลืองอย่างชัดเจน แต่ยังไม่ได้เหลืองสดมาก ได้แก่ S-Z color หรือเพชรน้ำ 85-78
C ตัวที่สอง Clarity
คือ ความสะอาดของเพชร หรือความใสของเพชรจะมีตั้งแต่ไม่มีตำหนิเลย จนถึงมีตำหนิมากซึ่งตำหนิยิ่งน้อย ราคายิ่งสูง โดยเราจะแบ่ง Clarity ออกมาได้ดังนี้
FL : ไร้ตำหนิ ไม่มีอะไรเจือปน เพชรถูกซีลมายังไม่ได้แกะจากห่อ
IF : ไร้ตำหนิ ไม่มีอะไรเจือปน
VVS1 – VVS2 : ตำหนิน้อยมากๆ มองเห็นได้ยากมากๆ เมื่อใช้กล้องที่มีกำลังขยาย 10 เท่า
VS1 – VS2 : ตำหนิน้อย มองเห็นได้ยาก เมื่อใช้กล้องที่มีกำลังขยาย 10 เท่า
SI : ตำหนิน้อย มองเห็นได้เมื่อใช้กล้องที่มีกำลังขยาย 10 เท่า และอาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
I : มองเห็นตำหนิได้ง่ายมากด้วยตาเปล่า
ซึ่งโดยปกติแล้ว Clarity ระดับ VVS-SI ก็สวยแล้ว ไม่จำเป็นต้องถึงจนถึงระดับ FL, IF เพราะราคาจะค่อนข้างกระโดด ส่วนต่างที่เกิดขึ้น นำไปเพิ่มขนาดเพชรคุ้มกว่า
C ตัวที่สาม Cut
คือ การเจียระไน หรือสัดส่วนของเพชร การเจียระไนที่ดี จะทำให้เพชรสวยงาม เล่นไฟ เพราะการเจียระไนที่ดี จะทำให้เพชรมีสัดส่วนที่สมมาตร เมื่อเพชรมีสัดส่วนที่ดี จะทำให้แสงที่กระทบมายังเพชร มีเกิดการหักเหและสะท้อนกลับมาเข้าตาของเราได้ดี ทำให้เห็นเป็นแสงวิบวับๆ เป็นที่มาของคำว่า เพชรเล่นไฟดี โดยการจัดระดับการเจียระไน จะมีระดับขั้นตั้งแต่
Excellent : เปล่งประกายไฟ และสะท้อนไฟผ่านหน้าเพรได้ดีมากที่สุด
Very Good : เปล่งประกายไฟได้ดี แทบไม่ต่างจาก Excellent
Good : เปล่งประกายไฟได้ดีเพียงพอ ที่จะทำให้เพชรดูแวววาว
Fair : เปล่งประกายไฟได้พอใช้ และไฟสามารถลอดผ่านด้านล่าง ด้านข้างได้ เหมาะกับเพชรเม็ดเล็กๆเท่านั้น
Poor : เพชรที่ไม่เปล่งประกาย หรือสะท้อนแสงใดๆ ผ่านหน้าเพชร ดูหม่นหมอง ไม่สวยงาม
ซึ่ง Excellent Cut โดยเฉพาะถ้าเป็น Excellent ทั้ง Cut Grade (การเจียรนัย) , Polish (ความเงา) และ Symmetry (ความสมมาตร) เพชรเม็ดใดได้มาตรฐาน 3Ex ถือเป็นการเจียระไนที่ดีที่สุดเมื่อนำไปขายจะได้ราคาดีกว่าระดับเพชรเม็ดอื่นๆ
C ตัวที่สี่ Carat
คือ หน่วยวัดน้ำหนักของเพชร โดยเพชร 1 กะรัต จะมีน้ำหนักเท่ากับ 0.20 กรัม หรือ 200 มิลลิกรัม หรือที่คนไทยนิยมเรียกกันเพชรน้ำหนัก 1 กะรัต ว่าเพชร 100 ตัง เช่น เพชร 0.25 กะรัต คือ เพชรยี่สิบห้าตัง เป็นต้น ยิ่งน้ำหนักเยอะราคาจะยิ่งสูง เนื่องจากเพชรเเต่ละเม็ดมาจากธรรมชาติเพชรเม็ดใหญ่ที่สมบูรณ์และสวยงามจะหายากกว่าเพชรเม็ดเล็กมาก ดังนั้นราคาของเพชรจึงสูงขึ้นตามไปด้วย
จากข้อมูลที่กล่าวมาทั้งหมด พี่ๆท่านใดที่กำลังมองหาซื้อเพชร เครื่องประดับเพชรต่างๆ สามารถนำหลักการ 4Cs เข้าเป็นส่วนหนึ่งในการประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อได้ จะทำให้เราได้เพชรที่ถูกใจ ในราคาที่เราพอใจ
MEESUBSIN เราเป็นทั้งผู้รับซื้อและผู้ขาย เครื่องประดับเพชร, ทอง, นาฬิกา , อัญมณีทุกชนิด ถ้าพี่ๆท่านใดอยากซื้อเครื่องประดับราคาถูกสามารถเข้าไปดูได้ที่ ( Shopping – meesubsin ) เพื่อเลือกซื้อเครื่องประดับได้เลย และพี่ๆท่านใดอยากขายสินค้าสามารถ เพิ่มเพื่อนในไลน์ @MEESUBSIN พร้อมส่งรูปสินค้าเข้ามาเพื่อให้ทางเราประเมินราคาได้เลย